" บาคาร่า " (Baccarat) คือ การเล่นไพ่ชนิดนึง ลักษณะการเล่นจะคล้ายกับการเล่นไพ่ป็อกเด้งของบ้านเรา
วิธีการเล่น คือ แจก ไพ่ฝ่ายละ 2-3 ใบเพื่อนับผลรวมของแต้ม ผู้ที่ได้ผลรวมของแต้มดีกว่า แต่ไม่เกิน 9 จะเป็นฝ่ายชนะ แต่หากแต้มเสมอกัน จะมีการเรียกใบที่สามเพื่อนับผลรวมแล้วก็วัดผลแพ้ชนะกันอีกที
แต่ทั้งนี้ที่ดูจะต่างจากการเล่นไพ่ป็อกบ้านเราก็คือ จะมีการเปิดให้เดิมพันทายฝั่งที่ชนะ หรือ ทายผลเสมอได้ ผู้ที่ทายถูกจะได้รับผลตอบแทนตามที่ได้ลงเดิมพันไว้ ก็ถือได้ว่าเป็นเกมส์เดิมพันที่นิยมเล่นกันในคาสิโนถูกกฎหมาย ซึ่งก็มีหลากหลายประเทศที่นิยมเล่นไพ่ชนิดนี้กันในคาสิโน กระนั้นถึงแม้ว่าบาคาร่าจะ เป็นเกมส์ไพ่ที่มีมานานแล้ว และจุดเริ่มต้นทำเพื่อความสนุกสนาน แต่เมื่อเวลาผ่านๆไปเกมส์ไพ่ชนิดนี้ก็ถูกเปลี่ยนจุดประสงค์ไป จากการเล่นเพื่อความสนุกสนาน ก็กลายเป็นการเล่นเพื่อเดิมพัน หรือ เล่นเพื่อพนันนั่นเอง
กติกาบาคาร่า
บาคาร่าที่นิยมเล่นกันในปัจจุบันตามบ่อนคาสิโนต่างๆ จะใช้ไพ่ 6 หรือ 8 สำรับ แต่ละสำรับมีไพ่ 52 ใบ รวมเป็นไพ่ทั้งหมด 312 - 416 ใบ ในการทายผลไพ่บาคาร่าจะแบ่งการเสี่ยงทายออกเป็น 2 ฝ่าย
คือ ฝ่าย “เพลเยอร์” (PLAYER) กับฝ่าย “แบงค์เกอร์” (BANKER) โดยเริ่มต้นจะมีการจ่ายไพ่ให้ฝ่ายละ 2 ใบ รวมเป็น 4 ใบ โดยไพ่ใบที่ 1 กับใบที่ 3 จะจ่ายให้ฝ่าย “เพลเยอร์” ส่วนไพ่ใบที่ 2 กับใบที่ 4 จะจ่ายให้ฝ่าย “แบงค์เกอร์” แต่ละฝ่ายจะจั่วไพ่ใบที่ 3 เพิ่มหรือไม่นั้นจะมีกฎ กติกา มากำกับ ถ้าฝ่ายใดมีแต้มรวมของไพ่ใกล้เคียง 9 มากที่สุดฝ่ายนั้นจะเป็นฝ่ายชนะ แต้ถ้าแต้มทั้งสองฝ่ายเสมอกันจะคืนเงินเดิมพันให้กับผู้เล่น
โต๊ะบาคาร่า
โต๊ะบาค่าร่าโดยทั่วๆ ไปแล้วจะเปิดให้ผู้เล่นทายผลเดิมพันหลักๆ ด้วยกัน 3 รูปแบบ คือ “PLAYER” , “BANKER” และ “TIE” แต่ก็มีบางบ่อนคาสิโนที่เปิดให้ทายผลเดิมพันมากกว่านั้น เช่น ทายผล “PLAYER PAIR” , “BANKER PAIR” , “BIG” , “SMALL” ฯลฯ โดยมีรายละเอียดการเดิมพันต่างๆ ดังนี้
การวางเดิมพัน
|
การเดิมพันไพ่บาคาร่า
|
|
ความหมาย
|
อัตราต่อรอง
|
|
PLAYER | ทายว่าแต้มรวมไพ่ฝ่ายเพลเยอร์จะเป็นฝ่ายชนะ | 1 : 1 |
BANKER | ทายว่าแต้มรวมไพ่ฝ่ายแบงค์เกอร์จะเป็นฝ่ายชนะ | 1 : 0.95 |
TIE | ทายว่าแต้มรวมของทั้งสองฝ่ายจะเสมอกัน | 1 : 8 |
PLAYER PAIR | ทายว่าไพ่สองใบแรกฝ่ายเพลเยอร์จะออกไพ่คู่ | 1 : 11 |
BANKER PAIR | ทายว่าไพ่สองใบแรกฝ่ายแบงค์เกอร์จะออกไพ่คู่ | 1 : 11 |
PERFECT PAIR | ทายว่าไพ่สองใบแรกจะออกไพ่คู่ทั้งสองฝ่าย | 1 : 25 |
BIG | ทายว่ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายจั่วไพ่ใบที่สามเพิ่ม | 1 : 0.54 |
SMALL | ทายว่าไม่มีฝ่ายใดจั่วไพ่ใบที่สามเพิ่ม | 1 : 1.5 |
หมายเหตุ
1. อัตราต่อร่อง เช่น 1 : 8 หมายความว่า แทง 1 ได้ 8 ไม่รวมทุน หรือ ถ้าวางเงินเดินพัน 1 หน่วย เมื่อทายถูกจะได้เงินชนะเดิมพัน 8 หน่วย ไม่ร่วมทุน
2. ไพ่คู่ (PAIR) หมายถึง ไพ่สองใบแรกที่อยู่ในฝ่ายเดียวกันและมีหน้าไพ่เหมือนกัน โดยจะเป็นไพ่ดอกสีอะไรก็ได้ (ไพ่คู่จะไม่นับไพ่ใบที่สามที่จั่วเพิ่มเข้ามา)
ตัวอย่าง " ไพ่คู่ "
คู่เอซ คู่สอง คู่เก้า คู่คิง คู่แหม่ม
การนับแต้มของไพ่บาคาร่า ให้นับโดยนำผลรวมของไพ่ทั้งหมดมารวมกัน โดยแต้มของไพ่จะมีค่าตั้งแต่ 0 - 9 แต้ม หากผลรวมของแต้มมากกว่า 9 ให้ใช้ตัวเลขตัวสุดท้ายเป็นแต้มของไพ่
ตัวอย่าง การนับแต้ม
1 + 8 = 9 แต้ม 7 + 6 = 3 แต้ม 5 + 0 + 9 = 4 แต้ม 0 + 4 + 6 = 0 แต้ม
เนื่องจากฝ่ายเพลยเยอร์ได้ รับการจ่ายไพ่ก่อน ในการจะจั่วไพ่ใบที่ 3 เพิ่มหรือไม่นั้นจึงต้องพิจารณาที่แต้มรวมไพ่สองใบแรกของฝ่ายเพลเยอร์ก่อน ว่ามีแต้มเป็นจำนวนเท่าไรแล้วจึงพิจารณาว่า จะอยู่ หรือ จะจั่วเพิ่ม ตามกฎ กติกาการจั่วไพ่ และหากฝ่ายเพลเยอร์มีการจั่วไพ่ใบที่ 3 เพิ่ม ให้ดูต่อไปว่าจั่วได้ไพ่อะไร จากนั้นจึงค่อยไปพิจารณาต่อว่าฝ่ายแบงค์เกอร์จะจั่วไพ่เพิ่มหรือไม่ โดยมีรายละเอียดปีกย่อย ดังนี้
กฎการจั่วไพ่ใบที่สามของเพลเยอร์
|
|
แต้มรวมไพ่สองใบแรกของเพลเยอร์
|
การจั่วไพ่ใบที่สาม
|
0, 1, 2, 3, 4, 5 | จั่วเพิ่ม |
6, 7 | อยู่ (ไม่จั่วเพิ่ม) |
8, 9 | ไพ่ป๊อก (ไม่จั่วเพิ่ม) |
แต้มรวมไพ่สองใบแรกของแบงค์เกอร์
|
กฎการจั่วไพ่ใบที่สามของแบงค์เกอร์
|
|
ถ้าเพลเยอร์จั่วไพ่ใบที่สามได้ไพ่ที่มีแต้มดังต่อไปนี้ ฝ่ายแบงค์เกอร์ต้องจั่วไพ่เพิ่ม
|
ถ้าเพลเยอร์จั่วไพ่ใบที่สามได้ไพ่ที่มีแต้มดังต่อไปนี้ ฝ่ายแบงค์เกอร์ไม่ต้องจั่วไพ่เพิ่ม
|
|
3 | 1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 9, 0 | 8 |
4 | 2, 3, 4, 5, 6, 7 | 1, 8, 9, 0 |
5 | 4, 5, 6, 7 | 1, 2, 3, 8, 9, 0 |
6 | 6, 7 | 1, 2, 3, 4, 5, 8, 9, 0 |
7 | - | อยู่ (ไม่จั่วเพิ่ม) |
8, 9 | - | ไพ่ป๊อก (ไม่จั่วเพิ่ม) |
ข้อสังเกต
1. ถ้าฝ่ายเพลเยอร์ ได้แต้มรวมไพ่สองใบแรกตั้งแต่ 0-5 แต้ม จะต้องจั่วไพ่ใบที่สามเพิ่มเสมอ แต่ถ้าได้แต้มตั้งแต่ 6 แต้มขึ้นไปจะอยู่ ไม่มีการจั่วไพ่ใบที่สามเพิ่ม
2. แม้ฝ่ายแบงค์เกอร์จะมีแต้มรวมของไพ่สองใบแรกเพียง 3 แต้ม แต่ถ้าฝ่ายเพลเยอร์ จั่วไพ่ใบที่สามได้ 8 ไม่ว่าแต้มรวมไพ่ทั้งหมดจะเป็นเท่าไร่ก็ตามฝ่ายแบงค์เกอร์ จะไม่มีการจั่วไพ่ใบที่สามเพิ่ม ซึ่งต่างจากการเล่นไพ่ป๊อกเด้งตามบ้านเรา ที่แต่ละฝ่ายจะอยู่ได้ก็ต่อเมื่อมีแต้มรวมตั้งแต่ 4 แต้มขึ้นไป
3. แม้ฝ่ายแบงค์เกอร์จะมีแต้มรวมไพ่สองใบแรกสูงถึง 6 แต้ม แต้ถ้าฝ่ายเพลเยอร์ จั่วไพ่ใบที่สามได้ 6 หรือ 7 ไม่ว่าแต้มรวมไพ่ทั้งหมดจะเป็นเท่าไร่ก็ตามฝ่ายแบงค์เกอร์จะต้องจั่วไพ่ใบ ที่สามเพิ่มเสมอ
4. เมื่อผู้เล่นเข้าใจกฎการจั่วไพ่ของฝ่ายเพลเยอร์ดีแล้ว กรณีการจั่วไพ่ของฝ่ายแบงค์เกอร์ที่มีกฎการจั่วไพ่ที่ค่อนข้างซับซ้อน ตารางต่อไปนี้จะช่วยให้เราจดจำกฎการจั่วไพ่ดังกล่าวได้ง่ายยิ่งขึ้น